วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นักเรียนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เพราะ ?

ช่วงนี้มีข่าวนำเสนอในหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ว่า  ยังมีนักเรียนอ่านไม่ออก  เขียนไม่ได้  หลายข่าว  เช่น

ข่าวรัฐมนตรี ศธ. ไปเจอนักเรียน ม.1 อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้   ข่าว สพฐ.ว่าจะแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้   และข่าว สพป.สุโขทัย เขต 2 ได้ดำเนินการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จนมีผลการเรียนดีขึ้น

จากข่าวนี้  ถือเป็นหลักฐานชั้นเยี่ยม  ที่ยืนยันว่าการบริหารจัดการการศึกษาของผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการทุกระดับ  และการประเมินภายนอก ของผู้ประเมิน สมศ.ส่วนใหญ่  และการทำงาน ของ สมศ. ล้มเหลว   ไม่มีประสิทธิภาพ  (จะเรียกว่า “หลอกแดก” งบประมาณรัฐก็ได้)  การตรวจก็สักแต่ว่าตรวจเอกสาร  และเชื่อผู้บริหารและครูเขาว่า   แต่ไม่เคยไม่ตรวจสอบเด็กจริงๆ  นี่ยังดีว่าการประเมินภายนอก  ในตัวบ่งชี้ที่ 5  ให้ใช้ผลการประเมินจาก O-net   มาเป็นตัดสินผ่านหรือไม่ผ่าน  (ขนาดให้ค่าเฉลี่ยเกิน  0.7 จากคะแนนเต็มก็ผ่านได้  และคิดจากจำนวนนักเรียนที่เกินครึ่งจากค่าเฉลี่ยของโรงเรียนในแต่ละวิชานะนี่    ถ้าคิดจากจำนวนนักเรียนที่ได้คะแนนเกิน  50 จากข้อทดสอบของ  O-net  มีหวังไม่ผ่านทั้งประเทศ)    นี่ถ้าให้ผู้ประเมินภายนอกตัดสินตัวบ่งชี้ที่ 5 นี้เหมือนตัวบ่งชี้อื่นๆ  รับรองว่าทุกโรงเรียนผ่านการประเมินว่ามีคุณภาพ  (แต่ล้มเหลวคุณภาพ)  เสียดายงบประมาณครั้งละสองพันกว่าล้านบาท  รวมตั้งแต่มีการประเมินภายนอกก็คงราวๆ แปดพันล้านบาทแล้ว  เสียดายเงินมากครับ
  
คราวหน้าผมจะเล่าประสบการณ์ที่ไปเป็นผู้ประเมินภายนอก  6 ปีกว่าๆ   ประเมินโรงเรียนรวม 174 โรงเรียน  ประเมินทุกระดับตั้งแต่โรงเรียนที่มีนักเรียน 10 กว่าคน  จนถึงสี่พันกว่าคน  มาให้ท่านได้อ่านกัน 

ทำให้ผมคิดว่า  แล้วปัญหานี้อยู่ที่ใดกันแน่   อยู่ที่ครูไม่รับผิดชอบที่จะสอนอย่างจริงจัง   หรือครูขี้เกียจ   หรือว่าครูสอนเป็นคำ  ไม่ยอมสอนแบบสะกดคำ  หรือว่า......ฯลฯ  หรือสารพัดหรือ

แต่...จากการที่ผมเคยเป็นที่ปรึกษาการบริหารจัดการโรงเรียนหลายโรงเรียนทั้งในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา  ได้เข้าไปดูครูสอนทุกระดับ  ทุกวิชา    และรวมทั้งเคยไปประเมินภายนอกตามโรงเรียนต่างๆ หลายร้อยโรงเรียน   ผมพบว่า

อันดับหนึ่ง  ครูส่วนใหญ่ปัจจุบันไม่รับผิดชอบ  ไม่สำนึกในจิตวิญญาณครู  ไม่ตั้งใจ  ทุ่มเท  การสอนอย่างจริงจัง  ดูแลนักเรียนเป็นรายบุคคล  ถือว่าสอนเสร็จครบกำหนดตามชั่วโมงที่ให้มาก็เป็นอันเสร็จภารกิจหน้าที่  นักเรียนจะรู้หรือไม่รู้  อ่านได้ หรือไม่ได้  ไม่ใช่หน้าที่ฉันอีก 

ทุกครั้งที่ผมไปประเมินภายนอกในระดับประถมศึกษา  ผมเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนหลายโรงเรียน    ส่วนมากเห็นครูส่วนใหญ่ยังสอนให้นักเรียนอ่านออกเสียงตามหนังสือพร้อมกัน  (นี่แหละคือปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้นักเรียนส่วนหนึ่งยังอ่านหนังสือไม่ออก  เขียนไม่ได้   ถ้าให้อ่านด้วยตนเอง    ที่เป็นอย่างนี้เพราะเด็กจะออกเสียงอ่านตามเพื่อน  ไม่ได้ดูตามตัวหนังสือ  และเด็กบางคนก็ฉลาดทำปากขมุบขมิบตามเพื่อน   รวมทั้งทำให้การอ่านหนังสือผิดอักขระวรรคตอนไปหมด  เพราะต้องออกเสียงแบบลากเสียงช้าๆ  เพื่อให้อ่านพร้อมกันทั้งชั้น)   

บางโรงเจอแต่เด็กกำลังอ่านหนังสือ   จึงถามว่าทำไมครูให้อ่านหนังสือล่ะ  แล้วครูไปไหน  แกตอบว่าครูไม่อยู่  ไปอยู่ที่ห้อง ผอ. แต่ครูให้อ่านหนังสือ  ให้ได้ยินไปถึงห้อง ผอ.ด้วย  (ครูกำลังเตรียมเอกสารเพื่อชี้แจงผู้ประเมินภายนอก)

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นก็ยังเกิดขึ้นได้   หลายโรงเรียนที่ผมเคยไปประเมิน   ยกตัวอย่าง  เช่น บางโรงมีนักเรียนชั้น ป.1  อยู่ไม่เกิน 10 คน  แต่เชื่อไหมครับว่า  ยังมีนักเรียน อ่านหนังสือไม่ออกอยู่เกินครึ่ง  ครั้งหนึ่งผมไปเจอกำลังอ่านคำว่า "ป้า" อยู่  ผมจึงเขียนคำใหม่บนกระดานดำหน้าห้องว่า "ม้า"  แกอ่านไม่ได้  แกบอกว่า ครูยังไม่ได้สอน   

หลายโรงเรียน ผมก็ให้ลองอ่านหนังสือที่แกกำลังเรียนกัน  โดยถามแกว่ากำลังเรียนถึงไหน  เช่น เรียนถึงหน้า 20  ผมก็ลองให้อ่าน หน้า 21 บ้าง หน้า 9 บ้าง  เป็นต้น (แล้วแต่จะนึกได้)  โดยให้อ่านเป็นรายบุคคล  พบว่า  อ่านไม่ได้เลยก็มี  อ่านแบบตะกุกตะกัก  สะกดผิดก็มี  รวมแล้วที่ไม่อ่านไม่ได้ เกินครึ่งก็แล้วกัน

ผมถามคุณครูที่สอนว่าเป็นเพราะอะไรเด็กถึงยังอ่านไม่ได้

คุณครูส่วนใหญ่  ตอบว่าเด็กขี้เกียจไม่ค่อยสนใจเรียน   ผมก็ย้อนว่าแค่เด็กไม่ถึง 10 คนนี่นะ ครูยังกำกับ เอาใจใส่ไม่ได้ทั่วถึง  และแถมเป็นครูประจำชั้นสอนทุกวิชาด้วย   เป็นไปได้อย่างไรที่ครูจะไม่รู้ปัญหานี้เลย   (ในใจผมคิด(นินทา)ว่า  คุณไม่มีใจให้เลย   คุณไม่ได้เป็นด้วยจิตวิญญาณคุณ   คุณแค่มาอาศัยเงินเดือนจากอาชีพครูเลี้ยงตัวคุณเท่านั้น)

ครูบางคนก็ตอบว่า  เด็กมันน้อยสอนไม่สนุก    ผมก็ย้อนว่าผมเคยไปประเมินโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดหลายจังหวัดครูกลับตอบว่า  เด็กที่อ่านไม่ได้  เพราะเด็กมันเยอะดูแลไม่ทั่วถึง  แล้วผมจะเชื่อครูคนไหนดีกันแน่

อันดับสอง  ครูไม่สอนแบบสะกดคำ   ถึงแม้บางโรงเรียนครูสอนแบบสะกดคำ   ครูส่วนใหญ่ก็ยังไปเอาวิธีการสะกดคำ “เพื่อเขียน”  มาใช้ในการสอนสะกดคำ “เพื่ออ่าน”  เมื่อเด็กเจอคำใหม่ก็เลยไม่รู้ว่าจะอ่านอย่างไร  ต้องรอครูมาแนะนำ  (ถ้าเป็นอย่างนี้  วานพี่ ป.6 สอนน้องๆยังดีเสียกว่า)

อันดับสาม   ผู้บริหาร  ผู้นิเทศทุกระดับไม่เคยเอาใจใส่ตรวจสอบอย่างจริงจัง  ไม่ค่อยลงไปตรวจสอบถึงเด็กนักเรียนตามห้องเรียน   ชอบไปตรวจแต่เอกสารที่นำมาเสนอ   ก็เลยไม่รู้ว่าเด็กรู้หรือยังไม่รู้กันแน่

ยังไง ๆ   ก็ขอขอบคุณ ท่าน ผอ. มานพ  ษมาวิมล  ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาสุโขทัย  เขต 2  ที่เอาใจใส่แก้ปัญหาด้วยตัวเอง  โดยไม่ต้องรอให้ผู้บริหารโรงเรียนดิ้นรนด้วยตนเอง  ผมถือว่านี่คือภารกิจหนึ่งที่สำคัญที่สุด  ที่ผู้บริหารระดับเขตต้องเอาใจใส่ติดตาม  กำกับการบริหารจัดการศึกษา  ช่วยผู้บริหารและครุแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น   ไม่ไปห่วงแต่การจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน  ประชุม อบรม สัมมนา หรือจัดอบรมแต่การทำให้ครูทำผลงานทางวิชาการ  แต่ผลงานการศึกษาของโรงเรียนที่ตนเองอยู่กลับไม่ได้เรื่อง



ขอบคุณอีกครั้งนะครับ  ท่าน ผอ.มานพ