วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ความในใจที่ “เสียดาย และเสียใจ” ๒

ราวๆ ต้นปี พ.ศ. ๒๕๔๕  ไปธุระที่ลพบุรี  เจอลูกศิษย์ที่เป็นทหาร ยศนายพัน  เขาชวนคุยการเมืองหลายเรื่อง  มีเรื่องหนึ่งที่พูดว่า  อาจารย์รู้ไหมว่า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ไม่ชอบนายกทักษิณ   ก็นึกในใจว่าแปลกดี ที่นายกทักษิณเพิ่งเป็นได้ปีเดียว  ถึงกับมีศัตรูแล้ว 

ต่อจากนั้นมาก็ได้ยินเสียงวิจารณ์นายกทักษิณมากขึ้น  โดยเฉพาะจะมาจากพวกนักวิชาการ และสื่อมวลชน  ว่าเป็นคนปากไว  ใจร้อน  พัฒนาบ้านเมืองเร็วเกินไปจะทำให้สังคมเสื่อมทราม จะกลายเป็นประเภททุนนิยมสามานย์   และโครงการต่างๆของนายกทักษิณจะทำให้คนชนบทขี้เกียจ  ฟุ่มเฟือยมากขึ้น  ไม่รู้จักใช้ชีวิตอย่างเพียงพอ 

พอประมาณปี 2548 ก็ชักได้ยินไปในทำนองว่าทักษิณคิดจะล้มเจ้า  อยากตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี   ตั้งพรรคไทยรักไทยก็เลือกเอาวันที่ตรงกับวันประชาชนโค่นล้มราชวงศ์ฝรั่งเศส  โลโก้พรรคก็เขียนเหมือนเลข 11 สื่อว่าจะเป็นผู้นำใหม่คนที่ 11   เป็นผู้ทำให้เกิดทุนนิยมสามานย์   และทักษิณทุจริตโกงคอรัปชั่นมากมาย

ซึ่งทั้งหมดผมก็แย้งข้อมูลบางอย่างไปบ้าง  เห็นสอดคล้องกับผู้นำมาเล่าบ้าง   แต่ผมก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่ธรรมดาคนอยู่ในตำแหน่งย่อมมีทั้งผู้เห็นด้วย  ไม่เห็นด้วย    จึงไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก

ต่อมาเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหาร (19 กันยายน 2549)  คณะปฏิวัติอ้างเหตุผลประมาณ 4-5 ข้อ ที่โค่นล้มรัฐบาลทักษิณ   ทั้งข้อหาทุจริตคอรัปชั่น  ข้อหาแทรกแซงระบบกระบวนการยุติธรรม  ข้อหาไม่จงรักภักดี    ซึ่งพวกเพื่อนๆบ้าง   ลูกศิษย์เก่าบ้าง  ลูกศิษย์ใหม่บ้างมาชวนคุย หรือโทรศัพท์มาคุยด้วยเกือบทุกวัน เกี่ยวกับการปฏิวัติ  และเรื่องราวของทักษิณ

ซึ่งผมก็บอกไปว่า   ผมไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติในครั้งนี้   เพราะการกระทำเช่นนี้จะทำให้เกิดภาวะแผ่นดินแตกแยกเป็นสองพวก   และวันหนึ่งจะเกิดการฆ่าฟันเพราะเรื่องนี้แน่นอน    ที่ตอบไปเช่นนี้  เนื่องจากผมพอมีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์อยู่บ้าง  ว่าถ้ามีคนจะทำร้าย  หรือบีบบังคับผู้นำในช่วงนี้   บ้านเมืองต้องเกิดเหตุการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ  จนเข้าสู่ยุคแบบคำทำนายของคนโบราณเป็นแน่

และอีกประการหนึ่ง   ผมแย้งไปว่า  ถ้ากล่าวหาคนอื่นเลว ชั่ว  เป็นคนไม่ดี  แต่ทำไมไม่ดำเนินคดีฟ้องร้องให้เป็นกิจจะลักษณะ   เอะอะอะไรก็จะบังคับให้ยุบสภา   ถ้าสกัดกั้นไม่อยู่ก็จะปฏิวัติ   แล้วเอาคนที่ไม่ชอบนายกทักษิณมาเป็นผู้ดำเนินคดี   รับรองว่าคนที่เขาศรัทธา นิยมทักษิณต้องลุกฮือประท้วงแน่นอน   อย่างนี้ไม่ใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแล้ว      ถ้าจะเอากันอย่างนี้  ประเทศไทยควรเปลี่ยนการปกครองไปในรูปแบบราชาธิปไตย (สมบูรณาญาสิทธิราช) เหมือนในอดีต   หรือจะเป็นไปในรูปแบบชนชั้นอภิสิทธิ์ชน (คณาธิปไตย) ไปเลย    ไม่ควรประกาศไปทั่วว่าประเทศไทยปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย  และบังคับให้เด็กนักเรียนเรียนมาแบบนี้

ผมแย้งไปหลายเรื่อง หลายคน   ที่น่าขำ คือ มีลูกศิษย์เก่าคนหนึ่งต่อว่าผมไม่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของเขา    ผมก็แย้งว่าก็ที่เปิดโอกาสให้พูด  และผมก็นั่งฟังเขาพูดจนจบ  นี่ยังว่าไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นอีกหรือ   เพียงแต่ว่าเมื่อผมฟังจบ  ผมบอกไม่เชื่อ  เพราะผมมีหลักและเหตุผลเหมือนกัน    เขาคงโมโหขึ้นมาหน่อยและรำคาญความยึดมั่นถือมั่นของผมที่ไม่คล้อยตามความเห็นของเขา    เขาเลยโพล่งมาว่า  “อาจารย์น่ะ  หัดไปดู  ASTV  เสียบ้าง”

ผมล่ะหัวเราะอยู่นาน   และก็บอกเขาว่า   ชีวิตผมที่ผ่านมา  "...ผมไม่เคยเชื่ออะไรง่ายๆ อยู่แล้ว  แม้ว่าสิ่งนั้นมีเหตุผลพอ  ถ้าผมยังไม่รู้ที่มา หรือต้นเหตุ  ผมจะยังไม่กล้าสรุปโดยเด็ดขาด...."  ผมดูทั้ง ASTV และอ่านหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ  ผมรู้ทุกอย่างที่คุณสนธิกล่าวหาคุณทักษิณ   เพราะผมก็เป็นแฟนหนังสือพิมพ์ผู้จัดการทั้งรายวัน  รายเดือนมา 20 กว่าปี  บางเรื่องผมไม่เชื่อคุณสนธิ  เพราะผมก็เคยอยู่ในเหตุการณ์ หรืองานแบบนั้นมาก่อน  เช่น เรื่องทำบุญที่วัดพระแก้ว  การตั้งสังฆราชซ้อนสององค์ ฯลฯ

ผมแย้งเขาว่า  ข้อมูลมีมากมายทำไมไม่เข้าไปค้นคว้าในกูเกิล  หรือข่าวสารทั่วไป   เขาบอกว่า  ข้อมูลอื่นๆส่วนมากถูกตัดต่อ”    ผมก็แย้งว่า  อ้าว  แล้วทำไมไปเชื่อข้อมูลที่คุณสนธิพูด  ไม่คิดว่าคุณสนธิตัดต่อข้อมูลบ้างล่ะ”    เขาบอกว่า คุณสนธิน่าเชื่อถือ  เพราะพูดจามีเหตุผล  ที่สื่ออื่นๆไม่น่าเชื่อเพราะถูกทักษิณซื้อบ้าง   แทรกแซงบ้าง   ใช้อิทธิพลบังคับ” 

ผมก็เลยท้าพนันว่า  ภายใน 3 ปี ทั้งก่อนปฏิวัติและหลังปฏิวัติ  ถ้าสื่อถูกทักษิณซื้อบ้าง   แทรกแซงบ้าง   ใช้อิทธิพลบังคับก็ต้องมีคนเขียนนิยมทักษิณมากสิ    อย่างนั้นช่วยหาบทความ  หรือข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไป  หรือนักวิจารณ์ข่าวตามสถานีโทรทัศน์ที่เขียนหรือพูดเชียร์ทักษิณมาให้ดูหน่อย  ผมจะให้ข่าว หรือบทความชิ้นละ 1,000 บาททันที      แต่จนแล้วจนรอด  ผมก็ยังไม่เคยเสียเงินเลยครับ    เพราะทุกหน้าหนังสือพิมพ์ตอนนั้น  นักวิจารณ์ข่าวโทรทัศน์ทุกช่อง  มีแต่ตำหนินายกทักษิณทั้งนั้น

ผมจึงสรุปบทเรียนการเรียนรู้ของผมช่วงนี้ได้ว่า   “...คนถ้าลงได้เชื่อแล้ว  จะด้วยความรัก หรือเกลียดก็ตาม   จะรับฟังเชื่อถือข้อมูลจากคนที่ตนเองชอบและศรัทธาอย่างเดียวเท่านั้น...”  ไม่มีวันไปอ่านศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นๆ แน่นอ
เช่น คนที่เกลียดทักษิณ  ก็จะดูแต่ช่อง ASTV  และ Blue Sky  ไม่มีวันไปเปิดช่อง Asia Update  อย่างแน่นอน  ในขณะเดียวกันคนที่รักทักษิณก็จะดูแต่ช่อง  Asia Update  ไม่ดูช่อง ASTV  และ Blue Sky เช่นกัน

แต่สำหรับผม  ทุกท่านสามารถถามได้เสมอว่า ช่อง  Asia Update หรือ ASTV  และ Blue Sky  นำเสนอข้อมูลอะไรบ้าง    เหมือนกับทุกวันนี้  ในเฟสผมก็มีทั้งพวกที่เกลียดทักษิณ   ชอบทักษิณ  และพวกชอบประชาธิปไตย   ผมสามารถรับฟังและอ่านทั้งสองฝ่ายได้           ส่วนหนึ่งเพราะผมเป็นนักจิตวิทยาที่เรียนมาทางด้านวิเคราะห์  ทำให้ผมเข้าใจว่า มนุษย์นั้นเหมือนกัน  แต่มีไม่เท่ากัน” 

ส่วนที่สอง  ผมพอมีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์และพยากรณ์อยู่บ้าง   ผมไม่ใช่โหราจารย์หรือหมอดูหรอกครับ  ผมเป็นนักศึกษาโหราศาสตร์  แต่พอคุยได้ว่า  ผมอ่าน  ศึกษา และค้นคว้าโหราศาสตร์ทุกแขนง การพยากรณ์มาทุกสำนัก ทั้งจากตำรับตำรามาไม่น้อยกว่า 500 เล่ม  ทั้งจากสนทนา(เถียงบ้าง)กับผู้รู้ไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน  และที่ผมเชื่อมากที่สุดก็คือ โหราศาสตร์แผนใหม่ที่เน้นเรื่องกรรม (Karmic  Astrology)  ทุกคำตอบของเหตุการณ์เมืองไทย  สามารถตอบได้ทุกคำถาม

และส่วนที่สาม  ผมเชื่อมั่นในคำสอนพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะในเรื่องกฎแห่งกรรม  การเวียนว่ายตายเกิด และไตรลักษณ์ 3   ผมไม่เชื่อว่าจะมีคนธรรมดาสามัญที่ใช้ชีวิตแบบฆราวาสจะดีกว่ากันมากมาย ถ้าไม่ฝึกสมถกัมมัฏฐาน หรือวิปัสสนากัมมัฏฐาน   เพราะยังไงๆ คนพวกนี้ก็ดำเนินชีวิตด้วยความโลภ  โกรธ  หลง ด้วยกันทั้งนั้น  แล้วแต่ใครจะมีมากมีน้อยกว่ากัน

ที่ เสียดาย  และ เสียใจตอนนี้  ก็คือ   ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธแท้ๆ   ทำไมคนไทยกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นชนชั้นสูง  มีการศึกษา   จึงดูถูก  ดูแคลนชาวบ้านธรรมดามากนัก.



ทั้งๆที่ พุทธศาสนาสอนว่า  ทุกคนไม่ได้ดีกว่ากันเพราะชาติตระกูล  หรือเพราะการศึกษา  แต่ต่างกันที่ความประพฤติและจิตใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น