ทฤษฎีพื้นฐานการศึกษา : จิตวิทยา
การกลั่นกรองที่จะพิจารณาเลือกว่าจุดประสงค์ที่เรากำหนดนั้นจะบรรลุจุดมุ่งหมายหรือไม่ ควรใช้วิธีการทางจิตวิทยาการเรียนรู้ เพราะจุดประสงค์ของการศึกษาถือว่าเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของการจัดการศึกษา ผลลัพธ์สุดท้ายเหล่านี้จะต้องสอดคล้องกับสภาพการณ์ต่างๆที่เราได้เลือกไว้ในกระบวนการดำเนินการ ไม่เช่นนั้นถือว่าเป็นเป้าประสงค์ที่ไร้คุณค่า
สาระสำคัญ : ความคิดรวบยอด
1. จิตวิทยา สามารถบอกความแตกต่างของพฤติกรรมของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป ระหว่างผู้ที่ได้รับการศึกษา กับผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษา (จิตวิทยาสังคม)
2. จิตวิทยา จะช่วยให้เราสามารถแยกแยะเป้าประสงค์ที่เราอาจกระทำสำเร็จได้ แต่อาจกินเวลานานจึงสำเร็จ หรือบางอย่างไม่อาจจะบรรลุได้เลยในระดับอายุที่กำหนดไว้ (จิตวิทยาพัฒนาการ)
3. จิตวิทยา จะช่วยให้เรารู้ได้ว่าการที่จะบรรลุจุดประสงค์บางประการนั้น ต้องใช้เวลามากน้อยเพียงใด และจะได้ผลดีที่สุดในช่วงที่เด็กมีอายุเท่าใด (จิตวิทยาพัฒนาการ)
4. จิตวิทยา มีส่วนช่วยในการตัดสินใจว่า ก่อนการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่งนั้น จะต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง (จิตวิทยาการเรียนรู้)
5. จิตวิทยา ช่วยให้การค้นพบว่าประสบการณ์การเรียนรู้ส่วนมากนั้น สามารถทำให้เกิดผลต่อเนื่องและเกี่ยวโยงไปอีกจำนวนมาก (จิตวิทยาการเรียนรู้)
6. จิตวิทยา ช่วยให้รู้ว่าการเรียนรู้ที่สอดคล้องกันและผสมผสานกัน เกี่ยวโยงกัน จะสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้ใช้เวลาในการเรียนรู้น้อยมากขึ้น (จิตวิทยาการเรียนรู้)
7. หลักการหรือทฤษฎีการเรียนรู้ จะสามารถกำหนดขอบเขตธรรมชาติของกระบวนการเรียนรู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องมีสภาพการณ์อย่างไร มีกลไกอะไรบ้าง ทุกคนจึงต้องยึดหลักการใดหลักการหนึ่งไว้จึงจะเกิดประโยชน์ (จิตวิทยาการเรียนรู้)
8. ทฤษฎีการเรียนรู้ทางจิตวิทยาที่โดดเด่น มี 2 ทฤษฎี คือ
8.1 ทฤษฎีแบบต่อเนื่อง “...การสร้างความสัมพันธ์ต่อเนื่องระหว่างสิ่งเร้าอย่างใดอย่างหนึ่ง กับสิ่งตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่ง…” การเรียนรู้ในลักษณะเช่นนี้เป็นกระบวนการที่เฉพาะเจาะจงมาก ต้องปลูกฝังและฝึกฝนตามประเด็นปลีกย่อยมากมาย ( Thorndike )
8.2 ทฤษฎีแบบใช้ความเข้าใจ เมื่อผู้เรียนได้เรียนรู้หลักการทั่วไปที่ได้ฝึกจากการเผชิญปัญหาแล้ว เขาจะสามารถนำหลักการนั้นไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ หรือเผชิญกับปัญหาใหม่ได้หรือไม่ ( Judd & Freeman )
9. จิตวิทยาการเรียนรู้ ยืนยันได้ว่ามนุษย์จะเรียนรู้ได้ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อผู้นั้นมีความ “พร้อม” ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสังคม หรือสิ่งเหล่านี้เกิดความสมดุลพร้อมกัน
10. การสร้างความ “พร้อม” ให้เกิดขึ้นได้นั้น ทางจิตวิทยามี 2 ทฤษฎีใหญ่ คือ “รอ" ให้พร้อม (มาสโลว์,ดิวอี้ฯ) กับ “เร่ง" ให้พร้อม (ธอร์นไดค์, สกินเนอร์ บรุนเนอร์ฯ)
11. มนุษย์จะเกิดการเรียนรู้ ได้ 6 ทาง คือ การสังเกต การจำ การเลียนแบบ การลอง การฝึก และความเข้าใจ
12. การเรียนรู้ จึงเป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่บุคคลจะเรียนรู้ได้จากการ ดู ฟัง ตรึกตรอง พยายามทำ ฝึก ความผิดพลาด ความสำเร็จ การคิดพิจารณา การซักถาม เป็นต้น ดังนั้นการเรียนรู้หนึ่งๆ อาจเกิดขึ้นได้ทางใดทางหนึ่ง หรือหลายทางหลายพฤติกรรมมารวมกัน
13. การเรียนรู้ ไม่ได้หมายถึงแต่เพียงการได้มาซึ่งความรู้ หรือการเสริมสร้างทักษะเท่านั้น และการเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในห้องเรียนหรือในโรงเรียน แต่มันสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ ทุกเวลา ทุกวงการ ทุกสังคม ฯลฯ แม้นิสัยเฉพาะตัวและพฤติกรรมในสังคมของบุคคล ก็ได้มาจากกระบวนการเรียนรู้ด้วยเช่นกัน
14. พื้นฐานกระบวนการเรียนรู้ส่วนใหญ่จะมี ลำดับขั้นตอน (basic sequence) และ รูปแบบ (basic pattern) 4 ประการ ดังนี้
1. การได้รับรู้จุดมุ่งหมาย และข้อมูลอย่างเพียงพอ ก่อนที่จะทำ (Information)
2. กิจกรรมที่ทำมีวิธีการปฏิบัติที่เป็นระบบ หรือมีขั้นตอนกระบวนการชัดเจน (activity)
3. มีแรงจูงใจเพียงพอ (motivation)
4. มีการวางเงื่อนไขผลสำเร็จที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม (มีเกณฑ์ /ตัวชี้วัด) (Success)
15. ความสำเร็จ หรือ ความล้มเหลว เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่ได้รับ กับ กิจกรรม รวมทั้งการได้รับแรงเสริม หรือลดแรงเสริม ปัจจัยที่ทำให้กิจกรรมประสบความสำเร็จผลหรือความล้มเหลว ขึ้นอยู่กับกับปัจจัย 3 ประการ ซึ่งผลของการเรียนรู้จะประสบความล้มเหลว ถ้าหากว่า แรงจูงใจ ไม่เพียงพอ, ข้อมูลที่ได้รับไม่เป็นที่กระจ่างชัดเพียงพอ, กิจกรรม ที่กระทำไม่ถูกต้อง
16. รายละเอียดความรู้ ทฤษฎีต่างๆทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา นักศึกษาควรแสวงหาอ่านจากหนังสือตำราทางจิตวิทยาซึ่งมีมากมาย แต่ขอแนะนำที่ตีพิมพ์เป็นภาษาไทย ซึ่งผู้เขียนอ่านแล้ว ทำให้รู้ชัดเจนดี ได้แก่
- หนังสือชุดจิตวิทยาของ อ.ประมวญ ดิกคินสัน
- จิตวิทยาการเรียนการสอน ของ รศ.ดร.พรรณี ช.เจนจิต
- จิตวิทยาการศึกษา ของ อ.สุรางค์ โค้วตระกูล
- จิตวิทยาประจำวัน ของ อ.พงศ์อินทร์ ศุขขจร
ฯลฯ
บทสรุป : ขอให้นักศึกษาจับประเด็นให้ได้ว่า ทำไมการเป็นผู้บริหารการศึกษาที่ดี หรือเมื่อรับผิดชอบจัดการศึกษา เราถึงต้องเรียนรู้วิชาปรัชญา สังคมวิทยา และจิตวิทยา ก่อนวิชาอื่นๆ เพราะเหตุใด
ซึ่งถ้าตอบคำถาม 4 ประการต่อไปนี้ได้อย่างชัดเจน และเห็นเป็นภาพการปฏิบิติจริงได้ตลอด ก็แสดงว่านักศึกษาเข้าใจวิชาปรัชญา สังคมวิทยา และจิตวิทยามีอิทธิพลในการจัดการศึกษาอย่างไร ก็ขออวยพรให้นักศึกษาเป็นผู้บริหารการศึกษาที่ประสบความสำเร็จทุกคน
1. ความมุ่งประสงค์ทางการศึกษา (Educational Purpose) ที่สถาบันการศึกษา หรือสังคมต้องการให้บรรลุมีอะไรบ้าง (ปรัชญา = หลักการ, วิสัยทัศน์, จุดหมาย)
2. การที่จะให้บรรลุตามความมุ่งประสงค์ที่ตั้งไว้นั้น จะต้องให้เรียนรู้ หรือทำอะไรบ้าง (จิตวิทยา+ สังคมวิทยา = หลักสูตร, มาตรฐาน-ตัวชี้วัด)
3. จะบริหารจัดการอย่างไร จึงจะทำให้การเรียน การสอน การฝึกปฏิบัติเกิดประสิทธิภาพตามที่วางแผนไว้ (จิตวิทยา+ สังคมวิทยา = การบริหาร, การจัดการเรียนการสอน)
4. เราจะทราบได้อย่างไรว่า ได้บรรลุตามความมุ่งประสงค์นั้นๆ แล้ว (วิทยาการการวัด การประเมินผล)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น