วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

“..ปรับความเข้าใจฝ่ายวัด และฝ่ายบ้าน เกี่ยวกับเรื่องศาสนา และพระๆ..” ตอน 1

เข้าพรรษาแล้ว มีหลายที่ที่ฝนตก เข้าใจว่าทำให้โลกและบ้านเมืองเย็นลงมาบ้าง และข่าวคราวเรื่องของพระที่เป็นกระแสดังมาก ก็ผ่านไปแล้ว ทุกฝ่ายคงพอจะสงบจิตสงบใจลงได้บ้าง ผมจึงถือโอกาสนี้ชี้แจงเรื่องของพระภิกษุในสังคมไทยได้เสียที
ข่าวพระภิกษุในพุทธศาสนาที่ดังในกระแสข่าวของสื่อสารมวลชนทุกวันนี้ มองในแง่หนึ่งก็เหมือนจะประจาน ตำหนิติเตียน จนฝ่ายวัดมีพระภิกษุบางองค์น้อยใจว่าทำไมสื่อและพวกเราชอบลงแต่ข่าวไม่ดีของพระไม่ดี พระที่ดีๆทำไมไม่ลงข่าว
บางองค์ก็ถามกลับไปว่าสาเหตุมาจากพระฝ่ายเดียวหรือ พระพุทธศาสนาเป็นของบริษัท ๔ ทำไมพอมีเรื่องเกี่ยวกับพระ มักจ้องกันขุดคุ้ย แต่ทีฆราวาสโกง แย่งคู่ครอง เบียดเบียนกัน ฆ่ากัน นักการเมือง ข้าราชการล้วนสาบานสมาทานถือศีล ปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัยก่อนทำบุญให้ทานทุกครั้ง แล้วยังถวายสัตย์ปฏิญาณสาบานตนต่อองค์พระมหากษัตริย์ ศีลเพียง ๕ ข้อยังรักษาไม่ได้ ไฉนไม่เรียก “ทุศีล”
บางองค์ก็ถึงกล่าวหาว่าพวกที่แพร่ข่าวพระไม่ดีต่อๆกัน ว่าเป็นพวกทำลายศาสนา ไม่รักชาติบ้านเมืองของไทย ถ้าอยากหาพระดี บริสุทธิ์ผ่องใส ทรงศีล ก็มาบวชเสียเอง (ฮา)
อันที่จริงผมก็เห็นด้วยทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่อยากให้พระสงบสำรวมตามสมณวิสัยมากขึ้น เพื่อไว้เป็นที่พึ่งทางใจ จะได้กราบไหว้แบบสนิทใจ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับบางคนที่ใช้ภาษาค่อนข้างรุนแรง หยาบคาย แสดงถึงอารมณ์โทสะมากเกินไป และผมก็เห็นใจฝ่ายพระภิกษุที่หวั่นไหวไปตามกระแสข่าว กลัวว่าชาวบ้านจะเสื่อมศรัทธาพระ ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีที่จะทำลายศาสนาพุทธในเมืองไทยให้สูญหายไปมากกว่านี้ แต่ผมก็ว่า..บางองค์ใช้ภาษาที่แสดงอารมณ์ตัดพ้อต่อว่า น้อยใจญาติโยมที่เขียนว่ากล่าวรุนแรงไปเหมือนกัน
สำหรับผมในฐานะเคยบวชเรียนรู้เรื่องปริยัติมาบ้าง เคยฝึกจิตมาก็พอสมควร และผมมั่นใจว่าผมยังมั่นคงในพระรัตนตรัย และศรัทธาคำสอนของพุทธองค์เป็นอย่างยิ่งด้วยเศียรเกล้า
ผมจึงขอเรียนชี้แจงแทนฝ่ายชาวบ้านต่อพระภิกษุว่า พวกเราไม่มีเจตนาทำลายศาสนาพุทธที่เป็นของดีที่สุดในเมืองไทย แต่เพราะพวกเราเห็นคุณค่ามากเกินไป จึงเสียดายที่จะถูกคนพวกหนึ่งมาทำลายศาสนา ทั้งที่พระรุ่นก่อนๆ สอนพวกเรา และท่านทำตัวอย่างให้พวกเราดู จนพวกเราศรัทธา เชื่อว่าดีจริง จึงเรียกพวกท่านว่า “พระ (ผู้ประเสริฐ)” พวกเราจึงถวายการอุปถัมภ์ด้วยปัจจัย 4 และบางทีก็สรรหาของดีไปให้พวกท่านได้ฉัน พ่อแม่ของพวกเรายังไม่ได้กินของดีๆ แบบพวกท่านเลย เพราะพวกเราเชื่อว่าจะได้บุญ เมื่อได้ทำกับพวกท่านที่เป็น “สมณะ” (ขนาดพระเถระผู้ใหญ่ของพวกท่านหลายรูป ยังดุ ยังเตือนตำหนิ พวกเราเสมอว่า อย่ามัวไปทำบุญกับพระที่วัด จนลืมพระอรหันต์ที่บ้าน)
แต่พวกท่านบางองค์ตอบแทนพวกเราอย่างสาสม โดยการทำตัวเหลวแหลก ไม่ประพฤติตัวตามพระธรรมวินัย และที่หนักกว่านั้น ทำผิดศีลผิดข้อวัตรปฏิบัติแล้วไม่ว่า ยังนำเอารูปถ่ายที่ลามกจกเปรตบ้าง รูปถ่ายที่ทำผิด หรือเป็นคลิปวีดีโอบ้างมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ
แต่ในขณะเดียวกันพวกท่านกลับยังจะเรียกร้องไม่ให้พวกผมวิจารณ์ในด้านเสื่อมเสีย ขอให้พวกเราชาวบ้านยังศรัทธา ก้มหน้าก้มตาถวายของให้พวกท่านใช้ ท่านกินเหมือนเดิม ไม่ว่าพระภิกษุสามเณรเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร โดยอ้างว่าวิจารณ์มากไปจะทำลายศาสนา แล้วจะให้พวกผมปล่อยวาง ทำใจอุเบกขา ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อ “ผู้ทุศีล” นั้นได้อย่างไร
พวกท่านจะเห็นว่าในขณะที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยอบายมุข ก็ยังมีชาวบ้านมากมายหลายกลุ่มหลายคณะที่สนใจธรรมะ ชักชวนกันทำบุญที่นั่นที่นี่ ฝึกจิตปฏิบัติธรรม ซึ่งท่านจะเห็นพวกเรากลุ่มหนึ่งเปิดเฟสบุ๊ค ด้านนี้ไม่ใช่น้อย พวกเราส่วนหนึ่งนำธรรมะที่ดีๆที่ตนเองได้รับจากการปฏิบัติมาเผยแพร่ แชร์ต่อๆกัน บางคนก็นำข้อคิดจากหนังสือธรรมะของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่างๆมาลง ไม่ใช่ว่าพวกเราจะเหินห่างหรือศรัทธาต่อพุทธศาสนาน้อยลงเมื่อได้รับข่าวต่างๆของพระที่ไม่ดี หรือของพระดังๆ พวกเราแยกเรื่องราวของพระที่ไม่ดี กับพระที่ดี และศาสนาคำสอนอันบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ออกได้ครับ
แต่...พวกผมทำใจไม่ได้ครับที่เห็นข่าวพระไม่ดีแบบนี้ จึงออกมาอ้อนวอนพวกท่าน โดยเฉพาะพระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาส พระสังฆาธิการทุกระดับช่วยกันควบคุม ดูแล อบรมสั่งสอนพระภิกษูสามเณรในสังกัดของท่าน ให้ดีหน่อยๆ ไม่ต้องถึงกับจะสร้างพระอริยะ หรือไม่ผิดศีลเลย ขอแค่ให้รู้จักละอายไม่ทำผิดศีล อาจาระต่อหน้าญาติโยม หรือทำผิดในที่ลับแล้วยังเอามาเผยแพร่อีก
แค่นี้แหละครับ ที่พวกเราร้องขอจากฝ่ายวัด
เขียนเมื่อ 25 กรกฏาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น